Tuesday, June 16, 2009

Cyrtocara moorii (โลมาสีฟ้าแห่งทะเลสาบมาลาวี)


เจ้านี้เป็นปลาหมอสายพันธุ์แท้ธรรมดาๆชนิดหนึ่งแค่นั้นเองครับ แต่มันมีจุดเด่นตรงที่สีสันมีสีน้ำเงินสดใส และก็เป็นปลา 1 เดียวแห่งทะเลสาบมาลาวี ที่มีหัวโหนกครับ แถมค่อนข้างที่จะว่องไวปราดเปรียว ด้วยเหตุนี้มันจึงได้ชื่อเล่นว่า โลมาสีน้ำเงินแห่งทะเลสาบมาลาวี (Malawi Blue Dolphin )(บอกเท่านี้พอจะทราบกันหรือยังครับว่าเจ้าปลาหมอชนิดนี้ชื่อว่าอะไร) ครับเจ้าปลาหมอชนิดนี้มีชื่อว่า Cyrtocara moorii ชื่ออื่นที่ใช้เรียกกันก็มี Blue Moorii, Blue Lumphead และชื่อที่ส่วนใหญ่รู้จักกันดีคือ Blue Dolphin

ลักษณะโดยทั่วไปของปลาหมอ Cyrtocara moorii ซึ่งต่อไปจะขอเรียกว่าบลูดอลฟินนะครับ จุดเด่นของปลาหมอบลูดอลฟินก็คือเรื่องของสีสรรค์ สีจะมีสีน้ำเงินสดใส มีมาร์กกิ้งบริเวณครีบและหลัง เป็นสีเข้ม จนถึงดำ และจุดเด่นอีกจุดก็คือโหนกบริเวณหัวที่โหนกพองาม บลูดอลฟินเมื่อโตเต็มที่จะใหญ่ได้ถึง 10 นิ้ว (25.4 ซม.) จัดว่าเป็นยักษ์ใหญ่ใจดีที่น่าขบขันแห่งทะเลสาบมาลาวีเลยก็ได้นะครับ อีกทั้งจัดว่าเป็นปลาที่เลี้ยงง่ายและกินเก่ง แต่ก็ต้องแลกกับการที่มันโตค่อนข้างช้านะครับ คือในระยะเวลา 16 เดือนโตเพิ่มขึ้นได้เพียงแค่ประมาณ 1 นิ้วเท่านั้น

อุปนิสัยของเจ้าบลูดอลฟินนี้มีลักษณะนิสัยที่สุภาพเรียบร้อย ไม่ไล่กัดกันให้ตายกันไปข้างหนึ่งเหมือนอย่างปลาหมอในกลุ่มอเมริกากลาง อีกทั้งบลูดอลฟินเป็นปลาที่มีสังคมคืออยู่รวมกันเป็นฝูง มีอาณาเขตเป็นของตัวเอง อาณาเขตของมันจะกินอาณาบริเวณทั้งตู้คือ บริเวณผิวน้ำ บริเวณกลางน้ำ หรือบริเวณพื้นน้ำ เจ้าพวกนี้ก็ไปหมดดังนั้นตู้ควรทำเป็นตู้โล่งๆเพื่อให้ปลามีพื้นที่ในการ ว่ายน้ำ ในธรรมชาติพวกมันจะมีสังคมแบบ "harem polygyny" (มีตัวเมียหลายตัวอยู่ภายใต้การดูแลของตัวผู้ 1 ตัว). ตัวผู้จะเป็นผู้ดูแลรักษาอาณาเขต ตัวผู้ 1 ตัวจะมีตัวเมียในฝูงได้หลายตัว

ดังนั้นในการเลี้ยงในตู้นั้นควรเลี้ยงโดยจัดให้มี ตัวผู้ 1 ตัว ต่อตัวเมีย 3 ตัวขึ้นไปนะครับ ถ้าหากอยากหาแทงค์เมทให้แก่เจ้าบลูดดอลฟิน แทงค์เมทที่เหมาะที่สุดก็ได้แก่ปลาหมอพีค็อก (peacock cichlids) หรืออาจจะเป็นปลาหมอในกลุ่ม mbuna ซึ่งมาจากทะเลสาบมาลาวีเหมือนกัน แต่หากจะเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่นผมแนะนำว่าให้หาปลาที่มีความไวพอๆกับเจ้า บลูดอลฟิน มิเฉ่นนั้นปลาที่เป็นแทงค์เมทของท่านอาจจะผอมเอาผอมเอาเพราะแย่งอาหารไม่ทัน เจ้าบลูดอลฟิน นี้ก็เป็นได้นะครับ

การแยกเพศ ทำได้ค่อนข้างเป็นเรื่องยากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างตัวผู้กับตัวเมีย ต้องรอจนกระทั่งพวกมันพัฒนาโหนกขึ้นมาจึงจะสามารถแยกได้ว่าตัวไหนตัวผู้หรือ ตัวเมีย โดยที่ตัวผู้จะมีโหนกที่ใหญ่กว่าตัวเมีย และเรื่องของสีสันตัวผู้สีจะสว่างกว่าตัวเมีย แต่วิธีแยกสีก็ไม่สามารถแยกเพศได้ถูกต้อง 100%

แหล่งกระจายพันธุ์ บลูดอลฟินเป็นปลาที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบมาลาวีมาในทวีปแอฟริกาตั้งแต่เริ่ม แรก โดยในธรรมชาตินั้นเจ้าบลูดอลฟินจะอาศัยอยู่บริเวณพื้นทรายแถบชายฝั่ง และมีหินเพียงเล็กน้อย ดังนั้นการเลี้ยงในตู้เลี้ยงควรปูพื้นด้วยทราบ และมีหินเล็กน้อยทำเป็นถ้ำเพื่อให้เจ้าบลูดอลฟินใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย อีกทั้งตู้นั้นควรจัดให้โล่งเพื่อให้เมีพื้นที่ในการว่ายน้ำ และไม่ควรมีต้นไม้น้ำอยู่ด้วยเพราะว่าเจ้าบลูดอลฟิน ก็มีนิสัยชอบขุดชอบทึ้งเช่นเดียวกับปลาหมอชนิดอื่นๆครับ

การดูแลและการให้อาหาร บลูดอลฟินจัดว่าเป็นปลาเลี้ยงง่ายกินได้ทุกอย่างเพราะว่าเจ้าพวกนี้เป็นพวก omnivorous กล่าวคือกินได้ทั้งพืชและสัตว์ ดังนั้นเจ้าบลูดอลฟิน จะสามารถกินอาหารที่มีชีวิตได้ทุกชนิด และก็กินอาหารเม็ดได้เป็นอย่างดีด้วย. ทางที่ดีที่สุดคือให้พวก อาหารที่ให้โปรตีนสูง สลับกับอาหารชนิดเม็ดทุกๆวัน

ค่าน้ำและอุณหภูมิที่เหมาะสม
น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำกระด้าง มีค่า pH 7.2 – 8.8 อุณหภูมิ 74-79 องศาฟาเรนไฮท์ หรือ 24-26 องศาเซลเซียส

การเพาะพันธุ์ บลูดอลฟินเป็นปลาหมอในกลุ่ม mouthbrooders (ปลากลุ่มอมไข่) ตัวเมียจะวางไข่ 20 -90 ฟอง บริเวณหินที่ราบเรียบ หลังจากนั้นจะเก็บขึ้นไปไว้ในปาก และดูแลจนกระทั่งฟักออกมาเป็นตัวและก็จะยังอยู่ภายใต้การดูแลในปากต่อไปอีก ซักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต่างจากปลาหมออเมริกากลาง หรือครอสบรีดที่เราเลี้ยงกันนะครับ (ซึ่งพวกนี้จะใช้วิธีวางไข่ที่พื้น)

มว่าเจ้าพวกนี้มีเสน่ห์ในตัวของมันเอง หากใครเบื่อๆปลาหมอในกลุ่มอเมริกากลาง หรือ ครอสบรีดทั้งหลาย ลองหันมามองและลองเลี้ยงเจ้าโลมาสีน้ำเงินตัวไม่น้อยตัวนี้กันบ้างนะครับ



เครดิต คุณ อีกาฯ จากเวป พี่ต้น Rof ครับ
นี่ link โดยตรงครับ http://www.pantown.com/board.php?id=2888&area=4&name=board5&topic=41&action=view
หากไม่ต้องการให้เผยแพร่บอกได้นะครับจะลบทันที

No comments:

Post a Comment